ถ้าพูดชื่อพระอัญญาโกณฑัญญะน้อยคนมากที่จะไม่รู้จักเพราะท่านเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนาบวชเป็นรูปแรก แล้วก็บรรลุธรรมเป็นรูปแรกต่อจากพระพุทธเจ้า ไม่ใช่แค่นี้นะเพราะถ้าเราจำได้ท่านคือพราหมณ์ที่ทำนายลักษณะของเจ้าชายสิทธัตถะตอนท่านเกิดมีความสำคัญขนาดนี้ แต่ทำไมเราไม่ค่อยได้ยินประวัติของท่านหลังจากนั้น
วันนี้จะมาเล่าประวัติทุกๆ ตอนในชีวิตของท่านสนุกแน่นอนคอนเฟิร์ม
มีหมู่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณะวัตถุ ตั้งอยู่ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์และมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่มั่งคั่งร่ำรวยเชี่ยวชาญในเรื่องมนต์ การทำนายลักษณะของคนชื่อว่าโกณฑัญญะ เขาสืบทอดวิชาต่างๆ จากบรรพบุรุษทำให้แม้จะมีอายุน้อยแต่ความรู้ความสามารถไม่ธรรมดาเรียกว่า ถ้าอยู่ในสมัยนี้ก็คงได้รับคัดเลือกไปแข่งโอลิมปิกแล้ว พอเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 3 วัน พระเจ้าสุทโธทนะกษัตริย์แห่งเมืองกบิลพัสดุ์ผู้เป็นพ่อก็ได้เชิญพราหมณ์ 108 คนเข้าไปทำนายลักษณะตามพระราชพิธีรวมถึงโกณฑัญญะไม่ใช่ทุกคนนะที่จะได้เข้าไปทำนายมีแค่ 8 คนที่เก่งที่สุดเท่านั้นที่จะได้เข้ารอบตอบคำถามและแน่นอนโกณฑัญญะพราหมณ์ไม่จมไม่หาย ได้เป็น 1 ใน 8 คน ที่สำคัญเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดด้วย
พราหมณ์ทั้ง 7 คนเห็นตรงกันและพยากรณ์ไว้ 2 อย่าง คือ
1) ถ้าท่านเป็นกษัตริย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่
2) ถ้าออกบวชจะได้เป็นพระพุทธเจ้า
มีแค่โกณฑัญญะพราหมณ์เท่านั้นดูแล้วลักษณะมหาบุรุษแบบนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ท่านจะได้ออกบวชและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน ฟันธง !!!
ด้วยความเชื่อมั่นคำทำนายของตนไม่มีพลาดโกณฑัญญะก็เฝ้ารอวันเจ้าชายออกบวชเมื่อไหร่จะออกบวชตามผ่านมา 20 กว่าปี กว่าจะถึงวันนั้นโกณฑัญญะสุดแสนดีใจที่เจ้าชายออกบวชจริงๆไม่นานท่านคงจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วสินะ จึงไปชวนพราหมณ์ทั้ง 7 ที่ทำนายด้วยกันวันนั้นให้ออกบวชตาม แต่น่าเสียดายพราหมณ์ทั้ง 7 ตายหมดแล้วเหลือแต่ลูกหลานที่ได้ตามโกณฑัญญะออกบวช ซึ่งก็คือวัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ รวมเป็น 5 คน ก็คือ ปัญจวัคคีย์นั่นเอง ท่านเหล่านี้ก็ออกบวชรับใช้ใกล้ชิดพระโพธิสัตว์โดยหวังว่า ถ้าท่านตรัสรู้ธรรมเมื่อไหร่ก็จะได้มาสอนพวกตนบ้าง พระโพธิสัตว์ท่านก็ได้ทำความเพียรหลายอย่าง มีอยู่ช่วงนึงที่ท่านบำเพ็ญทุกรกิริยาคือ ทำตัวเองให้ลำบากอย่างสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็น ด้านฉันข้าวมื้อละเม็ด เอาลิ้นแตะเพดานปาก หรือว่าหายใจแบบนิดเดียว หายใจไม่เต็มปอด จนตัวท่านเองพ่ายผอมทรุดโทรม แต่ก็ยังไม่บรรลุธรรม ท่านก็พิจารณาแล้วว่า มันคงไม่ใช่หนทางแห่งการตรัสรู้ จึงเริ่มฉันภัตตาหาร แล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติ ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 จึงคิดว่าท่านคลายความเพียร ความตั้งใจ มักมากแบบนี้ ต่างอะไรกับคนทั่วไป จึงหมดความเลื่อมใสแล้วก็พากันหนีไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ต่อมาพระมหาบุรุษได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าท่านก็เลยคิดว่าอยากจะแสดงธรรมให้กับอาจารย์ทั้งสองแต่น่าเสียดายที่อาจารย์ก็เสียชีวิตไปแล้วจึงนึกถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่เคยดูแลก็เลยเสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาแต่ไกลจึงตกลงกันว่า ท่านคลายความเพียรแล้วพวกเราจะไม่ไหว้ ไม่ต้อนรับขับสู้ ไม่รับบาตรและจีวรใดๆ แค่ปูอาสนะไว้ให้ อยากนั่งก็นั่ง แต่เมื่อพระองค์เดินทางมาถึงทุกคนต่างลืมสิ้น พากันต้อนรับขับสู้ตามความเคยชินพอได้สติก็นึกได้ว่าพวกเราตกลงกันแล้วนี่ ว่าจะไม่อุปัฏฐากท่านอีกต่อไป จึงแสดงท่าทีกระด้างกระเดื่องพูดจาด้วยความไม่เคารพ
จนพระพุทธองค์เตือนว่าอย่าทำเช่นนี้เรา เราได้ตรัสรู้อมฤตธรรมเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะแสดงธรรมให้ฟังปัญจวัคคีย์ไม่เชื่อพระองค์จึงเรียกสติว่าพวกท่านก็เคยอยู่กับเรามาก่อน เราเคยพูดเช่นนี้หรือไม่ ว่าเราตรัสรู้ ปัญจวัคคีย์ก็คิดสักพักแล้วตอบไปว่า ก็ไม่ จากนั้นจึงตั้งใจฟังพระธรรมเทศนา พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเพราะแสดงธรรมจบโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม พระพุทธองค์ทราบดังนั้นจึงเปล่งวาจาว่า อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ ด้วยเหตุนี้ จึงมาเป็นคำนำหน้าของท่านว่าพระอัญญาโกณฑัญญะนั่นเอง จากนั้นท่านก็ได้ทูลขอบวช พระพุทธเจ้าก็เลยบวชให้แบบเอหิภิกขุอุปสัมปทาเป็นครั้งแรกในพระพุทธศาสนา คือ วันอาสาฬหบูชาค่ำเดือน 8 วันนี้ จึงได้ชื่อว่าเป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบทั้ง 3 ประการคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธเจ้าก็ได้แต่งตั้งท่านเป็นเอตทัคคะ คืนเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านผู้รู้ราตรีนั้นเพราะท่านได้บวชก่อน แล้วก็บรรลุธรรมก่อน ดับกิเลสก่อนใครทั้งหมด
ถึงแล้ว ถึงตอนนี้ที่พวกเราสงสัยแล้ว แต่ด้วยความที่ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ด้วยอายุ และด้วยพรรษาพระภิกษุทุกรูปจึงต้องทำความเคารพเวลาจัดที่นั่งก็จะได้ที่นั่งแบบพิเศษคือ พระพุทธเจ้าประทับลักษณะตรงกลาง ขนาดด้วยอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้ายคือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ และท่านก็จะได้นั่งหลังพระอัครสาวกทั้งสอง ทำให้กลัวว่าจะสร้างความลำบากใจเพราะใครๆ ก็ต้องยำเกรงไม่เว้นแม้แต่อัครสาวกทั้ง 2 ที่ตั้งใจสร้างบารมี กว่าจะมาถึงจุด จุดนี้ ก็จะคอยแต่เกรงใจท่านอยู่นั่นแหละ จึงทูลขอพระพุทธเจ้าว่า งั้นข้าพระองค์ขอไปอยู่ป่าห่างไกลจากผู้คนดีกว่า
เลยไปอยู่ที่ริมสระมันทากินีที่มีช้างตระกูลฉัททันต์ซึ่งช้างเหล่านี้ก็รู้ความ เพราะตะกูลดั้งเดิมของช้างก็เคยได้อุปถัมภ์ดูแลพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก่อน พอเห็นพระมาก็ดีใจ คอยอุปัฏฐากรับใช้ ก็แบ่งงานกัน บางตัวก็ตั้งน้ำบ้วนปากเตรียมไม้สีฟัน บางตัวเก็บกวาด บางตัวต้มน้ำ บางตัวไปเก็บผลไม้รากไม้ในป่ามาถวาย และมีเทพบุตรนักเขาไกรลาสคอยใส่บาตรเป็นบางครั้ง
ท่านอยู่เช่นนี้ตลอด 12 ปี ก็รู้ด้วยญาณว่าใกล้จะปรินิพพานก็เลยไปเฝ้าพระพุทธเจ้า โดยการเหาะกลับไปกราบแทบเท้า และประกาศตนว่าข้าพระองค์ชื่อโกณฑัญญะที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่าทานก็ห่างหายจากวงการไปนานพระบางรูปอาจจะไม่รู้จักแล้ว ก็อาจจะคิดว่าพระรูปนี้เป็นใครจะเป็นบาปเปล่าๆ คนทั้งหลายได้เห็นได้ฟังต่างศรัทธาเลื่อมใส ท่านก็ทูลขอพระพุทธเจ้าว่าจะขอไปนิพพานใกล้ๆ ช้างที่ดูแลอุปถัมภ์ตนมา
พอวันนั้นมาถึง ท่านก็ได้เข้านิพพาน ช้างทั้งหลายก็ได้เตรียมข้าวเตรียมของตามปกติ แต่ทำไมวันนี้พระเถระไม่ออกจากที่พักเลยเอางวงเขย่าประตูให้เปิดออกและใช้งวงลูบดูพบว่า ท่านไม่หายใจก็ร้องไห้เสียใจ แต่ก็จัดพิธีให้อย่างยิ่งใหญ่ เสร็จพิธีพระพุทธองค์ก็ได้บรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ที่เจดีย์เพื่อให้มหาชนได้สักการะต่อไป
ที่พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นเช่นนี้ได้บวชก่อน ได้บรรลุธรรมก่อน ได้อะไรๆก่อนใครๆ ก็เพราะอัธยาศัยชอบทำบุญก่อนนั่นเอง เพราะอดีตชาติของท่านย้อนไปเมื่อ 1 แสนกัป ที่แล้ว มีพระพุทธเจ้าชื่อว่าพระปทุมมุตตระ แต่งตั้งพระภิกษุรูปหนึ่งเป็นเอตทัคคะด้านผู้รู้ราตรีนาน ก็อยากเป็นบ้าง ก็เลยทำบุญถวายภัตตาหาร 7 วัน แล้วก็ตั้งความปรารถนา พออีกชาตินึงในสมัยพระวิปัสสีพุทธเจ้าท่านได้เกิดเป็นชายหนุ่มชื่อมหากาล มีน้องชายชื่อจุลกาล ก็มีที่นาปลูกข้าวมากมาย พอทราบว่าจะมีการถวายภัตตาหารแด่คณะสงฆ์มหากาลชวนน้องชายถวาย ในขณะที่ข้าวยังไม่ออกรวงดี เพราะเห็นว่าตอนที่เมล็ดข้าวยังเป็นน้ำก็อร่อยดีเราน่าจะถวายพระได้ น้องชายไม่เห็นด้วยแบบนี้ก็เสียข้าวไปฟรีๆ ความเห็นไม่ตรงกัน จึงตัดสินใจแบ่งที่นาออกเป็น 2 ส่วน มหากาลคนพี่ได้นำส่วนของต้นไปถวายทันที โดยหุงปรุงรสอย่างดีเป็นน้ำนมข้าวรสเลิศตอนถวายก็ไม่ลืมอธิษฐาน โดยผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำบุญก่อนใครๆ ขอให้บรรลุธรรมก่อนใครๆ และเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ข้าวในนานั้นงอกกลับมาเหมือนเดิม ในฤดูนั้น ท่านจึงได้ถวายข้าวถึง 9 ครั้ง ต่างกับน้องชายที่ได้ถวายเพียงแค่ครั้งเดียว และนี่คือพระอัญญาโกณฑัญญะและน้องชายท่านที่คิดแล้วคิดอีกทำอะไรรั้งท้ายเสมอ จึงมาเป็นพระสุภัททะพระรูปสุดท้ายที่ได้มาฟังธรรมก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน และเรื่องนี้ก็จบลงแล้ว
เมื่ออ่านจบก็ได้ข้อคิดว่า เราทำแบบไหนก็ได้แบบนั้น คนที่เห็นโอกาสก่อนแล้วก็ทำก่อน ยอมจะได้รับผลสำเร็จก่อน และคุณธรรมอีกข้อหนึ่งของท่านที่แสดงถึงความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องมีคุณธรรม มีความรู้ ความสามารถก็ไม่ได้หวงก้าง ได้หลีกทาง ไม่ก้าวก่าย เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ศักยภาพในการบำรุงดูแลพระพุทธศาสนาอย่างเต็ม ชอบข้อนี้มาก ชอบมากๆ และทุกคนฟังจบแล้ว ได้ข้อคิดว่ายังไงอย่าลืมมาตอบใน Comment นะ