วันจันทร์, 9 ธันวาคม 2567

เหตุใด ทำไมถึงต้องทำบุญบ่อยๆ?

28 มิ.ย. 2024
378

เหตุใด ทำไมถึงต้องทำบุญบ่อยๆ?

      ทำไมเราต้องกินข้าวบ่อย ๆ เมื่อเช้ากินแล้ว เที่ยงก็ยังกินอีก กลางคืนก็กินอีกแล้วอีก ๗ วันค่อยกินไม่ได้หรือ มีคนบ่นไหมว่าทำไมกินบ่อย มีแต่บ่นว่าหิว ก็แบบเดียวกันข้าวปลาอาหารที่เรากินเข้าไปเป็นอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่บุญเป็นอาหารของใจก็ว่าได้ และเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง เป็นพลังขับดัน ให้เราพบความสุขความสำเร็จในชีวิตข้าวปลาอาหารที่เรากิน คนทั่วไปนึกว่าได้มาเพราะความวิริยอุตสาหะที่เราทำงาน ได้เงินมาก็ไปซื้อข้าวปลาอาหารมากิน แต่ความจริงถ้าไม่มีบุญหล่อเลี้ยง ทรัพย์เหล่านี้ก็ไม่มา เราเกิดมาเป็นคนได้ก็เพราะบุญ ดำรงชีวิตอยู่ได้ก็เพราะบุญ มีบุญเป็นพลังหนุนอยู่ภายในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำต้องใช้บุญ เราใช้บุญทุกนาทีที่ผ่านไป เหมือนที่ร่างกายก็ใช้พลังทุกนาทีที่ผ่านไป ถึงคราวเราจึงต้องเติมอาหารอยู่เรื่อย ๆ เช่นเดียวกันกับการดำเนินชีวิตที่เราต้องใช้บุญไปตลอด ถ้าเราไม่เติมบุญบุญก็จะพร่อง แล้วจะมีอุปสรรค มีปัญหาเกิดขึ้น

ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องสั่งสมบุญบ่อย ๆดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า “ถ้าบุรุษจะพึงทำบุญไซร้ ควรทำบุญนั้นบ่อย ๆ พึงทำความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้” เพราะฉะนั้นขอให้เราทำบุญอย่างสม่ำเสมอ บุญเล็ก บุญน้อย บุญใหญ่ ให้ทำไปทุก ๆ บุญ แล้วบุญที่ทำไว้จะมาส่งผลเป็นความสุขความสำเร็จให้แก่เรา

คนที่มีทรัพย์น้อยบางคนไม่เข้าวัดเพราะคิดว่าไม่มีเงินทำบุญ จะอธิบายให้เขาฟังอย่างไร?

ให้เขายึดหลักที่ถูกต้อง คือ ถ้าทำบุญด้วยจิตที่เลื่อมใสมาก จะได้บุญมาก สาระสำคัญอยู่ตรงนี้ ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ทำเต็มกำลังศรัทธาของตน จะได้บุญมาก มีคนหนึ่งทำอาชีพเก็บผักบุ้งขาย พวกเราไปชวนเขา ทอดผ้าป่า เขาฟังจนเกิดความปีติ ควักเงินออกมาทำบุญ ๑ บาท แต่ ๑ บาทของเขามีค่ามากในกระเป๋ามีอยู่แค่บาทเดียว เขาทำ ๑ บาทหมดตัวแล้ว แบบนี้ก็ได้บุญเยอะ “เมื่อมีจิตเลื่อมใสแล้ว ทักษิณาทานหาชื่อว่าเป็นของน้อยไม่” นี้คือโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเลื่อมใสเมื่อไร สิ่งที่ทำลงไปเป็นบุญทั้งนั้นใครมีทรัพย์มาก มีความเลื่อมใสมาก ก็ทำเต็มที่เต็มกำลังศรัทธา คนมีทรัพย์น้อยถ้าทำเต็มกำลังศรัทธาของตัวเอง ก็จะได้บุญเยอะ

เพราะฉะนั้นมาเถิด ที่วัดเปิดกว้างสำหรับทุก ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีมีทรัพย์คนทั่วไป หรือคนยากจน ก็สามารถมาได้รถก็ขึ้นฟรี ที่วัดก็มีข้าวเลี้ยง หลวงพ่อวางคอนเซปต์ไว้เมื่อสร้างวัดว่า ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ควรจะเป็นเครื่องกีดกั้นการศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรม ท่านจึงเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมาปฏิบัติธรรมและศึกษาธรรมะได้แบบสะดวกที่สุด ขึ้นรถมาฟรี กินข้าวฟรี แล้วก็กลับบ้าน ใครมีเงินจะทำบุญ ๑ บาทก็ได้หรือจะทำ ๕ บาท ๑๐ บาท แล้วแต่ว่ามีทรัพย์มีศรัทธาเพียงใด ก็ทำให้เต็มกำลังศรัทธา

จะทราบได้อย่างไรว่าช่วงไหนบุญเรามากขึ้น ช่วงไหนบุญน้อยลง?

ถ้าหากเรานั่งสมาธิ(Meditation)ได้ดี เราจะไปเห็นดวงบุญได้เลย บุญเป็นดวงใส ๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายของเรา บาปเป็นดวงดำ ๆ มืด ๆ เวลาที่ใจเราแปดเปื้อน ดวงบาปจะมาคลุมเคลือบทำให้ใจเสียคุณภาพ นี้คือกรณีคนที่นั่งสมาธิดีแล้วไปเห็น แม้ว่าคนส่วนใหญ่ยังนั่งสมาธิไม่เห็น แต่ก็รู้ได้จากอาการของบุญหรือบาปที่แสดงออกมา เมื่อไรที่บุญส่งผล เวลาจะทำอะไรรู้สึกมันราบรื่น เย็น ๆ สบาย ๆ และสำเร็จง่าย ๆ แต่พอบาปส่งผล ทำนั่นก็ติดขัดทำนี่ก็มีปัญหา เรื่องราวร้าย ๆ ก็จะเข้ามา แต่ตอนบุญส่งผลจะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามา มีคนมาช่วยเหลือ ทุกอย่างราบรื่นสำเร็จหมด แต่เราต้องเข้าใจหลักวิชาด้วยว่า บุญเกิดจากการประมวลรวม บาปก็เช่นเดียวกัน อย่างเช่นการสร้างบุญมีทั้งการให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา เราอย่าไปติดว่าทำบุญคือทำด้วยเงินอย่างเดียว นั่นเป็นส่วนหนึ่ง แต่เราต้องมีศีลและมีสมาธิด้วย ดังนั้นถ้าตอนไหนใครไปทำผิดศีล สมาธิก็ไม่นั่ง บาปจะได้ช่องส่งผล จะมาตัดรอนและขวางบุญ จะทำให้ทุกอย่างสะดุดไปเลย

วิธีแก้ก็ต้องเอากระแสของบุญมาเสริมทั้งการให้ทาน การรักษาศีล แล้วก็ตั้งใจนั่งสมาธิ คนที่รู้หลักวิชาพอเห็นท่าไม่ค่อยดียังไม่ทันจะเกิดปัญหาก็เตรียมการไว้ก่อน เช่นกำลังจะทำโครงการใหญ่ รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญต้องใช้พลังบุญเยอะ ก็รีบมองหาบุญใหญ่เลยว่าจะทำบุญใหญ่อะไรดี จะได้มีกำลังบุญมาหนุนส่ง แล้วก็ตั้งใจรักษาศีล อย่างน้อยศีล ๕ ให้บริบูรณ์ ตั้งใจนั่งสมาธิเป็นพิเศษ ถ้าอย่างนี้เรียกว่าทำถูกหลักวิชา ถือว่าเป็นผู้ไม่ประมาทเตรียมการไว้ล่วงหน้า ทุกอย่างก็จะราบรื่น ไม่รอให้ปัญหาเกิด แต่แก้ปัญหาไว้ก่อนล่วงหน้า ถ้าทำได้อย่างนี้ดีที่สุด

แต่ถ้าปัญหาเกิดแล้ว แสดงว่าบุญชักหย่อน บาปมาขวางแล้ว ถึงตอนนั้นก็รีบเติมบุญให้เต็มที่ แม้จะช้าไปนิด แต่ก็ยังดียังคลี่คลายได้ แต่ถ้ายังประมาทต่อไปจะยิ่งแย่ไปใหญ่ วงจรลบจะส่งผล เพราะพอสะดุดปั๊บก็จะติดขัด ใจก็หงุดหงิด สมาธิก็แตกกระจายฟุ้งซ่าน บางทีเผลอ ๆ ไปทำผิดศีลเข้าอีกบางคนบอกไม่สะดวก วันนี้ยังไม่ทำ เลยพร่องทั้งทาน ศีล ภาวนา เป็นวงจรลบ แย่ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นต้องทำให้ถูกหลักวิชา เสริมวงจรให้กลายเป็นบวกให้ได้ ทำทั้งทาน ศีล ภาวนา ให้ดี แล้วทุกอย่างจะสำเร็จ