หลายคนยังมีวิธีทำบุญแบบผิดๆ อยู่ เพราะคิดว่าชาวพุทธทำกันแบบนี้ หากเราทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง เราก็จะรู้ว่า ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญ สูงสุด
ยังมีคนบางพวกที่เชื่อถือศรัทธาแบบไม่มีเหตุผลจนงมงายไปกับพิธีกรรมต่างๆ ที่ปะปนเข้ามาอยู่ในวิถีพุทธ การนับถือผี ความเชื่อโชคลาง เป็นต้น เราไม่ควรปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เข้ามามีบทบาทในชีวิตจนเกินไป
ไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อ แต่ในเรื่องของการทำบุญก็ยังมีคนไม่เข้าใจ ทำตามๆ กันไปโดยที่ไม่รู้ว่าผลที่ได้เป็นอย่างไร การรู้หลักในการทำบุญจะช่วยให้เรามีทิศทางที่ทำแล้วเกิดผลเป็นบุญเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่ทำแล้วได้บุญเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญคือ ทำแล้วกลับได้บาปกลับมาโดยไม่รู้ตัว
ฮวงจุ้ยกับความสุข
เวลาจะสร้างบ้านหนึ่งหลัง อันดับแรกๆ ที่หลายคนทำคือดูฮวงจุ้ย เช่น นายคิมจะสร้างบ้านของตัวเองหนึ่งหลัง อยากให้บ้านมีแต่ความสุข ความเจริญ ใครอยู่บ้านนี้จะไม่เจ็บป่วย จึงคิดจะปรับบ้านตามฮวงจุ้ย เขาจึงต้องนำกระดาษมาปิดหน้าต่างทุกบานไม่ให้แดดส่องเข้าบ้าน เพื่อให้ดูเหมือนไม่เคยมีใครเข้าไปมาก่อน ก่อนถึงวันฤกษ์ดี นายคิมต้องเป็นคนแรกที่ก้าวเท้าเข้าบ้านเพราะเป็นเจ้าของบ้าน
ต้องขุดดินในวันที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดพลังด้านบวก ต้องตัดต้นไม้ทิ้งเพื่อให้กระแสไหลผ่านเข้าบ้าน ต้องติดไฟเพิ่มที่ประตูและเปิดไฟ 24 ชั่วโมงเพื่อดึงดูดพลังพิเศษ ตรงสวนหน้าบ้านก็ต้องติดตั้งน้ำรินเพื่อให้พลังงานที่ดีวิ่งเข้าบ้าน และห้ามเปิดหน้าต่างบางบานในบ้านเพราะเชื่อว่าจะป้องกันไม่ให้เงินทองไหลออก และต้อง… อื่นๆ อีกมากมาย
ลองคิดดูดีๆ ว่า เมื่อทำตามสิ่งนี้แล้ว เรามีความสุขจริงหรือเปล่า การทำความสะอาดอ่างน้ำเป็นภาระไหม และหากปั๊มน้ำเสียจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงชั้นดี แสงไฟที่เปิดตลอดเวลาจะดึงดูดแมลงให้เข้ามาในบ้าน ส่วนหน้าต่างที่ไม่ได้เปิด ทำให้บ้านร้อนอบอ้าว หายใจไม่สะดวก
สรุปว่า ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว อะไรที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ เกิดโทษ เป็นทุกข์ ก็เลิกเชื่อ เลิกทำ ยกเว้นฮวงจุ้ยที่มีเหตุผล เช่นเรื่องของทิศทางลม ทิศทางแดด ตำแหน่งห้องหรือประตู สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลมพัดผ่าน และอยู่บ้านได้สุขสบายมากขึ้น
ปีชงกับกฎแห่งกรรม
ไม่ว่ามีนี้จะเป็นปีนักษัตรอะไร ไม่ว่าเราจะเกิดปีนักษัตรใด ก็เป็นเรื่องที่ชาวพุทธไม่ควรใส่ใจ เพราะชีวิตของเราเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ไม่ได้เป็นไปตามกฎของดวงดาวหรือปีนักษัตร
คนที่ทำทาน รักษาศีล ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่ว่าจะเป็นปีชงหรือไม่ เขาก็จะมีความสุขใจและมีจิตที่มั่นคงเพราะตั้งมั่นอยู่ในสิ่งที่ดี
คนที่ไม่ทำทาน ไม่รักษาศีล เบียดเบียนผู้อื่น และไม่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่ว่าจะเป็นปีชงหรือไม่ เขาก็จะมีความทุกข์ใจและไม่มั่นคงเพราะไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวที่ดี
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาต้องแสวงหาที่ยึดเหนี่ยว และหวังว่าสิ่งนั้นจะช่วยแก้ไขและป้องกันสิ่งร้ายๆ ที่เกิดกับเขา อย่างเช่นความเชื่อเรื่องปีชงและการแก้ชง ซึ่งความเชื่อแบบนี้ทำให้คนคนนั้นหาสาเหตุของความทุกข์ด้วยการมองออกไปนอกตัว โดยลืมหันกลับมามองว่า ชีวิตเราจะดีหรือไม่ดี เราจะมีความสุขหรือไม่ แท้จริงแล้วอยู่ที่การกระทำและวิธีคิดของตัวเราเอง
ส่วนการกราบไหว้เทพเจ้าต่างๆ ที่ขอให้ช่วยนั้น วิธีการแบบนี้ไม่มีในพระพุทธศานา และพระพุทธเจ้าตรัสว่า เราไม่สามารถได้สิ่งที่ต้องการด้วยการอ้อนวอนขอ มิเช่นนั้นโลกนี้ก็คงไม่มีคนที่ผิดหวังเลย เพราะอยากได้อะไรก็ไปอ้อนวอนเทพเจ้ากันหมด
