“การสวดมนต์ที่ถูกต้อง” จะส่งผอานิสงส์ในทันทีที่ท่านสวดเสร็จ ไม่ต้องรอผลในวันอื่นเลยครับ และวันนี้ขออธิบายอาการ ทำไมสวดมนต์แล้วหาวจังเลย ทำไมเสียงแหบแห้ง ขนลุกขนพอง ทำไมมีลมตีขึ้นออกมาเป็นอาการคล้าย ๆ เรอ สำรอก ซึ่งขอบอกกันเลยตรงนี้ว่า ท่านไม่ได้ผิดปกติอะไรหรอกครับ แค่เพียงเวลาท่านออกเสียงสวดมนต์ไปนั้น เสียงของท่านมันจะเป็นแสงเล็ก ๆ แล้วบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วเขาได้ยินเขาก็จะตามเสียงมาแล้วเข้ามาอาศัยร่างของท่านซึ่งเป็นลูกเป็นหลานได้โมทนาบุญจากการสวดมนต์ และยังมีเทพ พรหม เทวดา นางฟ้า รุกขเทวดา เจ้าที่ ฯลฯ เขามานั่งอยู่ข้าง ๆ โมทนาบุญกับเรา กายหยาบของเรามันกระทบกับกายละเอียดของเขา มันจึงเกิดอาการสารพัดที่บอกมา แต่อย่ากลัวนะครับ ท่านทำดีพวกเขาจึงมาขอมีส่วนในบุญด้วย
การสวดมนต์นั้น ไม่มีมนต์บทใดที่สามารถขจัดทุกข์ได้ คนเข้าใจผิดเรื่องนี้มาก ทุกข์ยังตั้งอยู่ครับ แต่ใจเรามันจะสามารถยอมรับความจริงได้แล้วใจจะเบาลงเองครับ
เมื่อก่อนผมสวดมนต์ไม่เป็นครับ กรวดน้ำก็ไม่เป็น ต่อเมื่อสัมภเวสี “มะ” เพื่อนรักต่างมิติของผม (หากท่านผู้อ่านเพิ่งมาอ่านตรงนี้อาจจะสงสัย เอาสรุปว่า ผมได้รู้จักวิญญาณของคนเขมรคนหนึ่งที่ได้พบกันหลังจากที่เขาตายแล้ว เขาโดนรถไฟทับตายขาดสองท่อนที่แถวมักกะสันและได้มาสื่อสารกับผมและแฟนครับจนกลายเป็นเรื่องราวมากมายแต่ผมได้เล่าไปในหมวด “เรื่องเล่าคุณ มะ”) ได้มีส่วนชี้นำให้ผมได้ศึกษาคำสอนของ อาจารย์ดร.แม่ชีทศพร ผมมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่และเริ่มศึกษาคำสอนของอาจารย์แม่ชีใหญ่และในที่สุด ผลจากความเพียรพยายามปฏิบัติแบบคนทึ่ม ๆ ไม่ขี้สงสัยอะไรมากมายระหว่างปฏิบัติ ประกอบกับการอธิฐานอย่างถูกหลักทำให้ชีวิตผมพลิกเลยครับ จากที่ผมติดหนี้สินเป็นหลักล้าน อยู่ ๆ ก็มีสิ่งอัศจรรย์ทำให้ผมสามารถชำระหนี้เสียต่าง ๆ (เช่นหนี้จากบัตรเครดิต) ผมอธิษฐานอยากขายที่ดินสุดแสนจะเน่า เป็นที่ดินน้ำท่วมอยู่ในเขตสลัม ผมบอกขายมาถึง 30 ปีแล้วก็ไม่มีใครอยากจะซื้อ แต่พออธิษฐานไปได้ไม่เกิน 3-7 วันก็มีคนโทรมาตามให้ไปโอนที่ดิน เขาจะซื้อด่วน อันนี้แค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับจากเกือบสี่ร้อยกระทู้ที่ผมนำมาเปิดเผยถึงโลกทิพย์ที่เรา ๆ ยังสงสัยกันอยู่ว่ามีจริงหรือไม่ ผมว่าท่านผู้อ่านที่ติดตามกระทู้ธรรมของผมจะทราบดีถึงช่องว่างระหว่างมิติที่ผมนำมาเปิดเผย โดยมีสัมภเวสี “มะ” เป็นเพื่อนสื่อวิญญาณให้ทุกคนได้คิดในมุมมองของความเป็นจริงเกี่ยวกับโลกทิพย์และพลิกความเข้าใจที่ผิด ๆ จากเรื่องราวเกี่ยวกับการสวดมนต์ จากบุญและกรรม รวมถึงคนที่ชอบแอบอ้างเอาเทพเทวดามาตีเสมอ ผมเกริ่นไว้ก่อนว่า สิ่งเหล่านี้มีจริงนะ ขอให้ท่านอ่านไปในแต่ละกระทู้แล้วท่านจะเข้าใจว่าความจริงเป็นอย่างไร สำหรับผมได้เริ่มสวดเพียง 6 เดือนชีวิตผมได้เปลี่ยนจากที่ตกต่ำกลายเป็นคนมีทรัพย์ขึ้นมา ผมจึงขอยืนยันเพียงใช้เวลาวันละ 10 นาที ชีวิตเปลี่ยนจริง ๆ สมดังที่หนังสือของท่านอาจารย์ดร.แม่ชีทศพรได้กล่าวไว้ครับ
อย่างแรก “ต้องสมาทานศีลห้าทุกวัน เวลาไหนก็ได้ วันละหลายรอบยิ่งดี แต่ผมจะทำก่อนนอนเป็นอย่างน้อยเพราะศีลจะครอบคลุมเป็นเกราะให้เราตลอดทั้งวันทั้งคืนที่เราไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ถึงศีลขาดไปหนึ่งข้อแต่อีกสี่ข้อก็ยังค้ำจุนให้เรามีศีลอยู่ และพุทธคุณของศีลนี้จะส่งผลให้เราเจอแต่สิ่งดีงามตลอดทั้งวัน ทำให้เราไม่ต้องไปตัดสินใจ ผลักสิ่งไม่ดีออกไปเพียงแต่ “เรารู้ตัวกันรึเปล่า” ว่าพุทธคุณสำแดงแล้ว
หลักการสวดมนต์ เราต้องสมาทานศีลห้าก่อนสวดบทอื่นใดในโลกนี้เพราะการสมาทานศีลห้าจะเป็นการกรองเสียงให้เป็นทิพย์ก่อนแล้วเราจึงสวดบทอื่นได้หมดทุกบท เหมือนการจะออกไปติดต่อการงานกับใคร ถ้าเราอาบน้ำแต่งตัวให้สะอาดสวยงาม เราจะได้รับการต้อนรับที่ดีเพราะเขาเห็นเรามีสง่าราศี ไม่ใช่มอมแมมเข้าไปใครเขาก็หนีครับ
หลักการอีกอย่างคือการสวดด้วยเสียงที่ดังมีพลัง การสวดมนต์ไม่ใช่การภาวนา เราจึงต้อง เปล่งเสียงให้ดัง ฟังชัด ให้เทวดา นางไม้ เจ้าที่ ฯลฯ ได้ยินและมาร่วมโมทนาบุญกับเรา เราต้องมั่นใจในพลังที่ออกจากน้ำเสียงของเรา เสียงที่เปล่งไปนั้นสามารถดังไปทั่วสวรรค์ครับ คำว่าดังมันเหลื่อมกันนิดนึงนะ ความดังของเสียงผมเกิดจากความศรัทธา มิได้เกิดจากเสียงผมดังเป็นนกแก้วนกขุนทอง กราบไหว้พระก็ต้องเบญจางคประดิษฐ์ให้สวยงามนิ้วโป้งแตะหว่างคิ้ว พอก้มหน้าผากให้แตะถึงพื้นไม่ใช่ทิ่มหัวลงไปเป็นคนไม่มีศรัทธา อย่างนี้บุญที่ได้จะไม่ละเอียดเท่าคนที่เขาทำอย่างประณีตครับ (ทำทั้งทีอย่ามองข้ามครับ คนเราต้องฝึกแต่เรื่องละเอียดอย่าหวังทำแต่สิ่งใหญ่ ๆ แต่มันหยาบครับ)
บทสมาทานศีลห้า ของอาจารย์แม่ชีใหญ่
คำบูชาพระ
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ (สวดคนเดียวลงด้วย “มิ” แต่สวดหลายคนเปลี่ยนเป็น “มะ”)
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ
คำนมัสการพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ…ต้องกราบให้ประณีตศรีษะติดพื้นนะครับไม่ใช่รีบก้มรีบเงย)
สะวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)
คำอาราธนาศีล 5
อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ (ถ้าสวดหลายคนเปลี่ยนจาก อะหัง เป็น มะยัง)
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ทุติยัมปิ อะหังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ตะติยัมปิ อะหังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
คำนมัสการพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
ไตรสรณคมณ์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(หากใครจะสวดเพิ่มศีลข้ออื่นย่อมดีไม่มีปัญหาครับ)
คำขอขมาพระรัตนตรัย
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่านได้โปรดงดเว้นโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
คำแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง (การที่เราจะแผ่เมตตาให้ใคร ให้จดจำเสมอว่า เราต้องให้เราก่อน เมื่อเรามีบุญเราจึงให้คนอื่นได้ครับ)
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากทุกข์
อะหัง อเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความลำบาก
อะหัง อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากอุปสรรค
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ จงรักษาตนให้มีความสุขตลอดกาลนานเทอญ
คำแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่น (พอขึ้นสัพเพ สัตตา วิญญาณของสัตว์ที่เรากินไปในแต่ละวันก็จะไปเกิดในทันทีไม่เกาะตามเนื้อตัวเราแล้วครับ)
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (สวด 3 จบ บทนี้ขอให้ปัญญาทางธรรมจงเกิดกับเรา ขาดไม่ได้เช่นกันครับ)
พอจบการสมาทานศีล 5 ก็เข้านอนได้เลย หรือใครอยากสวดมนต์บทใด ๆ นอกเหนือจากนี้ ให้สวดแทรกไปก่อนจะ “แผ่เมตตาให้ตัวเอง” พอสวดเสร็จก็แผ่เมตตาให้ตัวเองและแผ่ให้ผู้อื่น จากนั้น หากใครประสงค์จะนั่งสมาธิ ก็ให้ขอพระกรรมฐานก่อนทุกครั้งแล้วนั่งสมาธิในระยะเวลาสั้น ๆ อย่านั่งนานเพราะระยะเวลาไม่ช่วยให้ท่านได้บุญมากเท่ากับการนั่งแล้วกำหนดรู้สติของเราได้ตลอดต่อเนื่อง (อยู่กับลมหายใจ) เพราะว่าในช่วงทำวิปัสสนาสมาธินั้น หากเราเผลอส่งจิตไหลออกนอกแล้วไม่ดึงกลับ ไปคิดถึงคนที่เราชิงชัง เผลอไปคิดถึงลูกถึงสามี คิดถึงงาน ฯลฯ มันไปสวนคำสอนที่พระพุทธเจ้า ท่านทรงสอนให้เรากำหนดรู้อยู่กับลมเท่านั้น พอเราไปคิดปุ๊บ เตรียมเลยครับเดี๋ยวพรุ่งนี้มีปัญหากับไอ้สิ่งที่เราคิดถึงครับ สรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจก่อนว่า พระพุทธเจ้าไม่สอนให้เรานั่งแล้วคิดส่งจิตไปหาใคร เราต้องทำเพียงให้รู้กายใจในตัวเราเท่านั้น โดยการตามดูสภาวะธรรม ความจริงตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น ท้องมันพอง เราก็ตามรู้ว่าพอง ท้องมันยุบเราก็ตามรู้ว่ามันยุบ เมื่อปวดข้อ ปวดขาก็ให้ตามรู้ว่าปวดหนอ ๆ ๆ อย่าขยับตัวเด็ดขาด คนที่เริ่มต้นฝึกขอให้นั่งเพียงระยะสั้น (5-10 นาที) แต่ถ้าจิตมันไหลออก ให้กลั้นหายใจเลย จิตมันหายไม่ออกมันกลับมาเอง คำทุกคำที่ผมอธิบายตรงนี้ ถึงจะสั้น แต่ให้จับใจความให้เข้าใจ อย่าอ่านข้ามครับ ทุกคำมีความหมายและต้องเข้มงวด เอาหละตรงนี้ผมขอให้ท่านขึ้นกองกรรมฐานของหลวงพ่อโอภาสีต่อเลยครับ
คำสมาทานขอพระกรรมฐาน (สวดบทนี้ต่อเลยหลังจากสมาทานศีลแล้วจึงนั่งสมาธิ)
ข้าพเจ้าขอกราบไหว้บูชาพระพุทโธ พระธรรมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า (3 จบ)
บูชาพระ
อุกาสะ อุกาสะ ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา(กรณีที่ท่านไม่มีดอกไม้ธูปเทียนก็ให้ท่านตัดคำว่า “ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา”ออกไปครับ)
รูปนามและชีวิต พร้อมไปด้วยการปฏิบัติ ทั้งภายในและภายนอก
ขอบูชาแก่ พระโพธิญาณ พระพุทธัง พระธรรมมัง พระสังฆัง ขอให้พระแม่ธรณีจงมาเป็นทิพยญาณ
ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิดน่ะพระเจ้าข้า
อาราธนาพระ
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขออุปจาระวิธี พระอัปปนาระวิถี พระสมาธิโลกุตระ พระธรรมเจ้า ข้าพเจ้าจะขอเข้าในห้องพระขุทกาปิติเจ้า พระขณิกาปิติเจ้า พระโอกันติกาปิติเจ้า พระอุเพ็งคาปิติเจ้า พระผรณาปิติเจ้า อันบังเกิดแก่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกกะพุทธเจ้า พระอรหันตาเจ้าทั้งหลาย มีฉันท์ใด ๆ ก็ดี ขอพระธรรมเจ้า จงมาบังเกิดให้กว้างขวาง ในขันธ์ทั้ง 5 แห่งข้าพเจ้าในกาลบัดเดี่ยวนี้เถิด
พระพุทธคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ
พระธรรมคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ
พระสังฆคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ
วิรัติศีล
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้า จะขอถือสัตย์รับศีลแก่พระโพธิญาณ จะขอรับเอาพระสมาธิมาเป็นธงชัย จะระลึกถึงพระพายมาเป็นอารมณ์ กายอย่างหนึ่ง วาจาอย่างหนึ่ง มะโนอย่างหนึ่ง จะไม่ให้เป็นกรรมแก่สัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยข้าพเจ้าจะไม่นิยมไปด้วยมูตรและคูตสัมผัสถูกต้องรูปเสียงกลิ่นรส โภชนาอาหารน้ำฉันและน้ำชา พระให้พิจารณาเป็นของปฏิกูลเปื่อยเน่าไปทั้งสิ้น เครื่องไม่จีรังนี้ เป็นของพญามัจจุราช ที่ได้หล่อหลอมรูปมาตั้งแต่เอนกชาติรูปนี้แตกดับไป จะขอวางซากอสุภะนี้ไว้เหนือพื้นปฐพี ส่วนนามธรรมของพระนี้ ขอให้แม่พระธรณี จงมาช่วยแบกหาม อุดหนุนค้ำจุน ข้ามส่งองค์พระพาย จะเสด็จเข้าไปในโลกใหญ่ ขอให้เป็นสุขในห้องพระนิพพาน
เสี่ยงพระบารมี
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขอเสี่ยงนะพระบารมี ขอให้แม่พระธรณี นำเอาบารมี 30 ทัศน์ ของข้าพเจ้า ข้ามส่งให้ถึงหนทางพระนิพพาน ที่ทำการของพระในครั้งนี้
พอท่านขึ้นกองกรรมฐานเสร็จแล้วให้นั่งสมาธิต่อเลย เมื่อถอนสมาธิแล้วให้ท่านกรวดน้ำโดย “ไม่ใช้น้ำจริง” ดังนี้ครับ
บทกรวดน้ำ (ไม่ต้องใช้น้ำจริงครับ เราจะใช้น้ำจริงตอนที่เราถวายของที่พระสงฆ์ฉันได้)
“พระจัตตุโลก พระยมกทั้งสี่ (อ่านว่าพระ ยะ-มก) ขอส่งน้ำอุทิศนี้ เข้าไปในลังกาทวีป ในห้องพระสมาธิ เป็นที่ประชุมการใหญ่ ของแม่พระธรณี ขอให้แม่พระธรณี จงมาเป็นทิพย์ญาณ เป็นผู้ว่าการในโลกอุดร ขอให้แม่พระธรณีจงนำเอากุศลผลบุญของข้าพเจ้า ที่ได้กระทำในวันนี้ นำส่งให้แก่ข้าพเจ้า ในกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ให้แก่สรรพสัตว์ที่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ และขอถวายเป็นปฏิบัติบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยเจ้า พระอริยสงฆ์ และพระปัจเจกโพธิเจ้า พระอรหันตเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ บิดา มารดา ตระกูลพ่อ ตระกูลแม่ ตระกูลพี่ กระกูลน้อง ตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ญาติพี่น้องทั้งหลาย เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย จงนำและได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำในครั้งนี้ ขอให้บุคคลที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ทั้งในภพนี้และในภพที่เคยผ่านมา จงได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำ เมื่อได้รับอานิสงส์แล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้แก่ข้าพเจ้าพร้อมทั้งครอบครัวข้าพเจ้า ทั้งตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ตระกูลพี่ ตระกูลน้อง
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้พระราชาพระมหากษัตริย์ เศรษฐี มหาเศรษฐี ที่สืบสานพระศาสนาตั้งแต่พุทธกาลจนถึงปัจจุบัน มีพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าอโศกมหาราช พระราชามหากษัตริย์ไทย มีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และวีรกษัตริย์ทุกๆ พระองค์ อันได้แก่ สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา เป็นต้น
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ จตุสดมภ์ทั้ง 4 ขุนเวียง ขุนวัง ขุนคลัง ขุนนา ท่านแม่ทัพนายกอง หัวหมู่ ขุนพล ทหารหาญทั้งหลาย ข้าทาสบริวาร ครูหมัด ครูมวย ครูหอก ครูดาบ ครูศาสตราวุธ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทุกกรมกอง
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระแม่ธรณี แม่พระคงคามหาสมุทร แม่พระโพสพ แม่พระเพลิง แม่พระพาย เจ้าทะเล เจ้าบาดาล เจ้าพิภพ
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้สุริยจักรวาล มีพระอาทิตย์ พระจันทร์
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัตตะโลหะ นวโลหะ รัตนชาติ แร่ธาตุทั้งหลาย ช้างศึก ม้าศึก ช้างเสบียง ม้าเสบียงทั้งหลาย วัว ควายทั้งหลาย หมูเห็ด เป็ดไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งสัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทั้งหลาย สัตว์ปีกทั้งหลาย สัตว์ปีนป่ายทั้งหลาย สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย สัตว์ในไข่ทั้งหลาย สัตว์ในครรภ์ทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าเข่นฆ่าก็ดี บริโภคก็ดี อยู่ในเนื้อ อยู่ในหนัง อยู่ในกระดูก อยู่ในตับ ไต ไส้พุง อยู่ในทั้งหมดอาการ 32 ของตัวข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัมมาอาชีพและปัจจัยสี่ของข้าพเจ้าที่ได้มีกินมีใช้ ขอให้สัมมาอาชีพจจงได้รับอานิสงส์ผลบุญนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้พยัญชนะ ตัวอักษรทุกภาษาในโลกนี้ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด จงมีส่วนในบุญของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ทรัพย์ของแผ่นดิน ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ดวงจิตดวงวิญญาณ ทั้งหลายที่เคยจะเกิดมาเป็นลูกเป็นหลานแล้วไม่เกิด จงได้รับในบุญกุศล และจงเว้นจากการจองเวร
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ดวงจิตของข้าพเจ้าที่เคยตกหล่นเป็นกรรมอยู่ในนรกภูมิที่อยู่ทุก ๆ ขุมนรกจงหลุดพ้นจากอุปกรรม วิบากกรรม เคราะห์กรรม ด้วยกุศลในครั้งนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ เชื้อโรคเชื้อรา เชื้อร้าย เชื้อมะเร็งทั้งหลาย เชื้อไวรัสทั้งหลาย เชื้อโรคทั้งหลาย จงมีส่วนได้รับในบุญกุศลนี้ และโรคร้ายทั้งหลายขออย่าพึงมี อย่าได้เกิดกับลูกหลานข้าพเจ้า จงหยุดที่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ตั้งแต่นรกภูมิ อบายภูมิ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย อสูรกายทั้งหลาย ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน นรกทุกชั้น นรกทุกขุม ทุกภูมิ สัมภเวสีทั้งหลาย ทั้งที่เป็นญาติ และไม่ใช่ญาติ ที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล ที่รู้จักก็ดี ที่ไม่รู้จักก็ดี ที่เอ่ยถึงก็ดี ไม่เอ่ยถึงก็ดี ที่ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ทั้งที่มีกาย และไม่มีกายทั้งที่มีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม่มีธาตุ จงรับเอาส่วนกุสลที่ได้กระทำในครั้งนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระอินทร์ พระพรหม พระยายม พระยายักษ์ พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อเจตคุป เจ้าพ่อหอกลอง ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวทศรถ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พญาครุฑ พญานาค พญาอนันตนาคราช พญางู พญาเงือก พญาหนุมาน พญาเสือ พญาสิงห์ พญาเต่า พญาจระเข้ พญาปลาไหล พญาตะขาบ พญาแมงป่อง ปู่ฤาษีทั้ง 108 พระองค์ ปู่อินตา ครูยา หมอยา เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าที่ที่บ้าน เจ้าที่ที่ทำงาน รุกขเทวดา นางไม้ทั้งหลาย
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ธนบัตร ทุกสกุลเงินตรา ของโลกนี้ที่เป็นทรัพย์ภายนอก จงได้รับในกุศลผลบุญของข้าพเจ้า
กรรมใดก็ดีที่ข้าพเจ้าเคยมีกรรมต่อทรัพย์ของแผ่นดิน คนของแผ่นดิน ทำผิดเป็นถูก ทำถูกเป็นผิด และกรรมใดที่ข้าพเจ้าเคยสร้างกรรมกับผู้ใดไว้ ไม่ว่าอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติไม่ว่ามนุษย์และสัตว์ ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายที่ข้าพเจ้าเคยสร้างเวรสร้างกรรมต่อท่าน จงได้รับอานิสงส์ผลบุญของข้าพเจ้า เมื่อได้รับผลบุญของข้าพเจ้าแล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดเปลื้องกรรม งดเว้นการจองเวรและขอดวงจิตที่เกิดในภพนี้ ชาตินี้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ด้วยกุศลในคราวครั้งนี้ด้วยเทอญ
ถามว่าท่านเคยกรวดน้ำแห้งด้วยคำเหล่านี้รึเปล่าครับ ถ้าไม่ ให้ท่านอธิฐานตามด้านบน ท่านจะพบว่าท่านมีอาการแปลก ๆ เช่นขนลุก ขนพอง อาการอิ่มเอิบในบุญ หลายคนมีดวงจิตละเอียดต่างกัน แล้วแต่ว่าจะออกมาในรูปไหนครับ
ในขณะที่ผมใช้ชีวิตที่เสี่ยงกับโลกของกิเลสทั้งปวง ผมก็ต้องสะดุดกับชีวิตของตัวเอง เมื่อผมได้พิสูจน์ว่าสัมภเวสี “มะ” มีตัวตนจริงผมจึงกลัวบาปและอยากสร้างกุศลอย่างจริงจัง ผมจึงเริ่มหันหน้าเข้าหาพระธรรม โดยมีอาจารย์แม่ชีใหญ่เป็นผู้จุดประกายการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง ท่านก็เมตตาส่งคลิ๊ปมาสื่อสารกับผมเป็นการส่วนตัว ต่อมาในคืนวันหนึ่ง วิญญาณ “มะ” มาหาผมโดยผ่านร่างของแฟนผมที่นอนหลับไปด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับชนิดแรง แต่เขากลับมาด้วยอาการที่แข็งแรง สามารถขยับตัวได้ทั้งตัว มะบีบมือผมแน่น คล้ายว่าจะโชว์ให้ดูว่าวันนี้เขาแข็งแรงนะ ผมจึงแปลกใจและถามเขาไปว่าทำไมจึงสามารถขยับตัวได้มากขนาดนี้ “มะ” บอกมีใครคนหนึ่งแผ่เมตตามาไกล เขาก็สงสัยจึงตามรอยบุญนั้นไปก็ปรากฏพบกับผู้หญิง ไม่มีผม ใส่ชุดขาว รูปร่างอ้วน เขาบอกเขาเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ ท่านมีบุญมาก “มะ”เลยได้แต่ก้มลงกราบ ท่านผู้อ่านครับความอัศจรรย์ของแม่ชีใหญ่นะ เหลือเกินบรรยาย เพราะก่อนหน้านี้สองอาทิตย์ผมได้เขียนเมล์ส่งไปถึงท่านและผมได้ขอให้ท่านแผ่เมตตาให้กับ “มะ” ผมคาดหวังว่าบุญของท่านที่มีอยู่เยอะจะช่วยให้ “มะ” แข็งแรงขึ้น ผมก็ดีใจจนน้ำตาไหล ก็นี่เรื่องสั้น ๆ นะ ยังมีอีกเยอะกับภารกิจที่ต้องกิน นอน เล่นอยู่กับผีเป็นปี
ผมขอแนะนำเทคนิคการสวดนะครับ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าสวดแล้วเป็นอย่างไร แต่มีอยู่คืนหนึ่งผมสวดมนต์อยู่ แฟนผมบอกว่า “มะ” นั่งสวดอยู่ข้าง ๆ พอเสร็จ สัมภเวสี “มะ” ก็สื่อสารมาว่า “ทำไมจิตไม่นิ่ง ต้องนิ่งกว่านี้ ถ้าไม่นิ่งให้อ่านเอาจะดีกว่า เพราะจิตจะไปจับอยู่ที่ตัวอักขระ และบทยากที่สวดติดตะกุกตะกักก็ให้เปลี่ยนไปสวดบทง่าย ๆ เช่น บทอิติปิโสฯ จะดีมาก อย่าเพิ่งสวดบทยาก ต้องตั้งสมาธิให้แน่วแน่” นี่คือคำสอนของวิญญาณที่เขารู้จากสภาพในโลกของเขา ใครสวดมนต์จะมีเสน่ห์ มีแสงในที่มืด คือโลกวิญญาณมันมืดครับ แต่ตัวเราจะมีแสง วิญญาณจะเห็นและปรารถนาจะโมทนาบุญด้วย ถึงเราไม่เชิญเทวดา นางฟ้า เจ้าที่ ฯลฯ ท่านก็จะมาโมทนาบุญด้วยครับ
10 พ.ค. 2555 แก้ไข เพิ่มเติมข้อมูล >> เมื่อสวดเสร็จแล้วถ้าจะอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร อย่ากล่าวตรง ๆ นะ ผมขอให้เปลี่ยนคำดังนี้ “หากข้าพเจ้าได้เคยเบียดเบียนผู้ใดไว้ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ ไม่ว่าภพใดชาติใด ข้าพเจ้าขอให้อานิสงส์ผลบุญจากการสมาทานศีลห้านี้จงส่งผลเป็นอโหสิกรรม” ผมขอกำชับว่า ท่านต้องขอให้อโหสิกรรมด้วย มิเช่นนั้นเขาจะได้บุญเราไปฝ่ายเดียวแล้วมีกำลังมากขึ้นกลับมาทำร้ายเราแรงได้อีก แต่สำหรับคนที่ไปกรวดน้ำกับพระ อันนี้ต่างกันถึงเราไม่กล่าวขออโหสิกรรมอานิสงส์จะส่งเอง
หลายท่านได้ส่งข้อมูลตอบกลับมาทางเมล์ว่าหลังจากปฏิบัติแล้วก็พบกับชีวิตที่ดีขึ้นหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเกิดอาการปีติอย่างแรงเพราะการสวดบทที่ผมแนะนี้เหมือนไปเปิดจุกก๊อกแล้วพลังบุญที่สั่งสมมาที่ลอยค้างอยู่นานก็หลั่งพลูไหลหลากอย่างสายแม่น้ำ ย่อมเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล บางท่านได้ลาภ บางท่านได้งานทำและอีกหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่ทุกคนที่ตอบกลับมาล้วนมีแต่คนที่ตั้งใจจริง ผมเองขอให้ท่านทั้งหลาย “ตั้งใจแน่วแน่” ปฏิบัติไม่เว้นวัน ไม่อ่อนแรง การจะเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ไม่ง่ายนะครับ มันจะมีมารมาขัดขวาง ให้เราง่วงบ้าง ให้เราเพลียบ้าง แต่พระพุทธเจ้าท่านสำเร็จมรรคผลได้ก็เพราะท่านมีความเพียร ท่านมีทุกอย่างที่คนอย่างเราก็ไม่ต่างจากท่าน เราต้องมีความเพียรพยายามให้สูง ยิ่งสูง ยิ่งขยัน ยิ่งมีกำลังใจ ท่านยิ่งเข้าใกล้พระนิพพาน อย่าคิดว่าไกลเกินตัวครับ ผมก็เคยคิดตอนนี้ไม่คิดแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ เผยแพร่พระธรรมต่อไปจนกว่าชีวิตจะสิ้นแหละครับ ท่านได้เองไม่ใช่หรือครับ
26 มิ.ย. 2557 แก้ไข เพิ่มเติม >> ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2557 ผมได้ชีวิตใหม่ทั้งหมดหลังจากปฏิบัติบูชามาอย่างไม่ย่อท้อ หลังจากชดใช้กรรมมาอย่างสาหัสจนเรียกได้ว่า นาทีสุดท้ายที่จะต้องทิ้งบ้าน ทิ้งรถ ทิ้งทุกอย่างเพื่อไปอยู่วัด ผมมีเส้นทางชีวิตคล้ายอาจารย์ของผมคือแม่ชีใหญ่ และแล้ว วินาทีสุดท้ายที่ผมหมดกรรมหนัก บุญที่สั่งสมมาก็ทำงาน ทำให้ผมขายตึกได้และทุกอย่างในชีวิตก็เปลี่ยนไป บุญมีจริงครับ
ในขณะที่นั่งสมาธินั้นห้ามคิดถึงเรื่องอื่นเด็ดขาด บางคนนั่งแล้ว มาเล่าว่าวันรุ่งขึ้น โอ้โห เจอแต่คนอารมณ์เสียใส่ หงุดหงิดใส่ มีแต่เกรี้ยวกราด ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นก็ต้องถามตัวผู้นั่งเองว่า ในระหว่างที่นั่งนั้นได้ส่งจิตไปคิดถึงคนเหล่านั้นบ้างรึเปล่า คำตอบคือตรงนี้แหละครับ บุญนี้ไม่ได้ทำงานอย่างที่เราคิดนะครับ หากเราจะอธิษฐานอย่าไปอธิษฐานตอนกำลังนั่งวิปัสสนา ให้ท่านอธิฐานแผ่เมตตาหลังจากลืมตาแล้วเท่านั้นครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราคิดถึงคนอื่นในระหว่างนั่ง หากเราคิด มันจะยิ่งไปส่งแรงให้เขากลับมาก้าวร้าวกับเรามากขึ้น นี่แหละความสำคัญครับ ดึงกลับมาให้ได้นะครับ