วันจันทร์, 9 ธันวาคม 2567

ประโยชน์ของธรรมะในการใช้ชีวิตคู่

เรื่องของ “ความรักกับธรรมะ” อาจเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงควบคู่กันมากกว่าที่เราคนทั่วไปจะคาดถึง ความรักนั้นเป็นสิ่งที่คู่รักควรหยิบยื่นให้กันเพื่อทำให้ชีวิตคู่จะไปกันได้ดี แต่การที่ความรักจะไปได้ดีนั้น ก็ต้องอาศัยข้อธรรมเป็นปัจจัยเสริมที่จะช่วยเป็นที่ยึดเหนี่ยวการกระทำและสอนสั่งจิตใจของคู่รักทุกๆ คู่ให้ประพฤติตนอยู่ในสิ่งที่ดีงาม “ความรักกับธรรมะ”จึงเป็นคำที่คู่รักทุกคู่ ควรคำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อความราบรื่นในชีวิตคู่ตลอดไปนั่นเอง

ในบทความนี้จะพาทุกๆ ท่านมาพบกับหลักคำสอนของพุทธศาสนาที่จะช่วยให้คู่รักใช้ชีวิตได้อย่างมีสติและครองรักได้อย่างราบรื่นกันครับ

หลักคำสอนธรรมะที่เกี่ยวกับ ”ความรัก

1. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ เป็นหลักธรรมอันดับต้นๆ ที่เรามักจะได้พบได้เห็นกัน ซึ่งคำว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ว่า “ปิยโต ชายเต โสโก” – ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีแต่ความเศร้าโศก
“ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข” – ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งปวง ย่อมเป็นทุกข์

เมื่อเข้าใจโลกไปตามความจริงดังนี้แล้ว จะทำให้เราไม่ยึดมั่น ถือมั่นกับความรักจนเกินไป เมื่อต้องพลัดพราก ต้องลาจาก หรือต้องเลิกกันไป ก็จะได้เข้าใจความเป็นธรรมดาของความรัก รู้จักปล่อยวาง ทำให้ไม่เสียสติ ไม่เครียดนั้นเองครับ

2. รักอย่างมี”สติ” การทุ่มเทให้กับความรักเป็นสิ่งที่ดีเสมอ แต่ถึงกระนั้นแล้ว การรักใครเราต้องรักอย่างมีสติด้วย ไม่ควรเก็บทุกๆ เรื่องมาคิด เก็บทุกๆ อย่างมาตั้งคำถาม เราควรพยายามทำความเข้าใจในความรักระหว่างบุคคลทั้งสอง ให้จำไว้เสมอว่า เราไม่สามารถบังคับคนอื่น ให้เป็นดั่งที่ใจเราต้องการได้ตลอด แม้กระทั่งร่างกายเราเอง ยังไม่สามารถบังคับ ไม่ให้หิว ไม่ให้เจ็บป่วยได้เลย ฉะนั้น ก็จงอย่าไปบังคับคนที่เรารักจนเกินไป เพราะ ไม่มีใคร เป็นอะไร ของใครจริง ๆ

3. ศีลเสมอกัน คำๆ นี้ มักจะพบเป็นคำผู้ติดปากของคนทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่ง “ศีลเสมอกัน ถึงอยู่ด้วยกันได้” เป็นสิ่งที่หลายๆ ท่านคงเข้าใจ หากมีศีลที่เสมอกันนั้นไซร้ การครองคู่กันจะเป็นไปอย่างยั่งยืน รักมั่นคง ดั่งคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ว่า “ดูก่อนคฤหบดีและคฤหปตานีถ้าภรรยาและสามีทั้งสองหวังจะพบกันและกัน ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ (ชาติหน้า) ไซร้ทั้งสองคนนั้นแลพึงเป็นผู้มี”

นอกจากการได้ครองรักกันระหว่างคนสองคนที่สมหวัง ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ผิดหวังในความรักเช่นกัน  “ธรรมะ”  ยังสามารถช่วยสอนให้กับผู้ที่อกหักในความรักได้เช่นกัน และหนึ่งในหลักคำสอนที่ว่า “ผู้ไม่มีความรัก ชื่อว่าเป็นผู้เบาสบาย” เราเชื่อว่าหากท่านได้คิดตามแล้ว จะพบกับความสุขที่อาจไม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้มันมาอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

หลักธรรม ข้อ สำหรับดูแลความรัก

1. เบญจศีลหรือศีล 5  เหมาะสำหรับความรักแรกเริ่ม จะคอยสอนคอยกำกับไม่ให้รักตัวเองมากเกินไปจนเบียดเบียนชีวิตของผู้อื่น ศีล 5 ยังเป็นหลักประพฤติปฏิบัติที่นำทางมนุษย์ไปสู่ความเจริญอีกด้วย
2. ทิศ 6 เหมาะสำหรับที่เรารักใคร่ปรารถนาและรักเมตตาอารี เนื่องจากทิศ 6 เป็นหลักธรรมที่ใช้กำกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่างๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ประกอบด้วยทิศเบื้องหน้าคือ บิดา มารดา ทิศเบื้องขวาคือ ครูอาจารย์ ทิศเบื้องหลังคือ บุตรและภรรยา ทิศเบื้องซ้ายคือ มิตรสหาย ทิศเบื้องล่างคือ คนรับใช้และคนงาน ทิศเบื้องบนคือ พระสงฆ์ สมณพราหมณ์

3. พรหมวิหาร 4 เหมาะสำหรับความรักที่มีแต่ให้ เป็นความรักที่ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีการแบ่งแยก ดั่งหลักธรรมที่ว่า “เมตตา” คือความรักปรารถนาดีอยากให้ผู้อื่นมีความสุข “กรุณา” คือเมตตาอย่างไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ “มุทิตา” ยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข และสุดท้าย “อุเบกขา” คือ การวางใจให้เป็นกลาง หลักธรรมทั้ง 4 ข้อเป็นหลักธรรมเบื้องต้นที่ทำให้ความรักเป็นรักอันบริสุทธิ์ได้